น้ำพริกอ่อง

เครื่องปรุง เนื้อหมู ๒ ขีด พริกแห้ง ๓-๕ เม็ด กระเทียม ๓-๔ กลีบ หัวหอม ๒ หัว มะเขือเทศลูกใหญ่สัก ๒-๓ ลูก ถ้าอย่างลูกเล็กประมาณขีดครึ่ง ปลาร้า ๑ ครึ่งช้อนโต๊ะ เกลือ ครึ่งช้อนโต๊ะถั่วเน่าแข็บ(ถั่วเน่าแผ่น)ครึ่งแผ่น บางคนจะใช้กะปิแทนปลาร้าสับละเอียด ผักชี รากผักชีต้นหอม น้ำมันหมู
วิธีทำ ย่างถั่วเหลืองแผ่นให้สุกเสียก่อน ทิ้งไว้ให้กรอบ นำพริกแห้ง หัวหอม กระเทียม และรากผักชีโขลกพร้อมกัน เมื่อแหลกดีแล้วเอากะปิหรือปลาร้า และถั่วเน่าแข็บ (ถั่วเน่าแข็บ คือถั่วเหลืองต้มเปื่อยหมักแล้วบดละเอียด ทำเป็นแผ่น ๆ ตากแห้ง ชาวไทยใหญ่นิยมใช้แทนกะปิ) ใส่ลงไปโขลกให้เข้ากัน ส่วนเนื้อหมูสับให้ละเอียด มะเขือเทศหั่นหรือใส่ครกบด แล้วตั้งกะทะใส่น้ำมัน เอากระเทียมลงเจียวพอหอมแล้วเอาน้ำพริกลงผัด เอาเนื้อหมูใส่ และมะเขือเขือเทศใส่ตาม เติมน้ำพอสมควรแล้วชิมดูสุกแล้วยกลงผักชีโรยหน้า บางสูตรจะเอาหมูลงผัดก่อนแล้วจึงตามด้วยเครื่องปรุงและมะเขือเทศภายหลัง บางสูตรจะเอาเนื้อหมู เครื่องปรุง และมะเขือเทศโขลกรวมกันก่อนลงผัด บางสูตรจะย่างพริกแห้งให้หอมก่อนโขลกรวมเครื่องแกง
อย่างไรก็ตามลักษณะเด่นของน้ำพริกอ่องคือ มีสีส้ม(สีมะเขือเทศและพริกแห้ง) ข้นเป็นน้ำขลุกขลิก มีน้ำมันลอยหน้าเล็กน้อย มีสามรส คือ เปรี้ยว เค็ม เผ็ดเล็กน้อย และรสหวานตาม การกินน้ำพริกอ่องต้องมีผักจิ้ม เช่น มะเขือเปราะ ถั่วผักยาว ผักกาดขาว ต้นหอม ผักชี ถั่วพู กะหล่ำปลี แตงกวา จะลวกหรือกินสดก็ได้ อาจมีแคบหมูมากินด้วยก็ยิ่งดี

พบว่าน้ำพริกอ่องในปริมาณ ๑๐๐ กรัม มี ๑๔๔.๙๔ แคลอรี โปรตีน ๑๐.๒๓ กรัม ไขมัน ๙.๐๐ กรัม คาร์โบไฮเดรท๕.๗๓ กรัม แคลเซียม ๖๒.๑๒ มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส ๘๐.๔๙ มิลลิกรัม เหล็ก ๒.๒๕ มิลลิกรัม วิตามินเอ ๓๒๙.๘๓ อาร์อี วิตามินบีหนึ่ง ๐.๒๙ มิลลิกรัม วิตามินบีสอง ๐.๑๕ มิลลิกรัม ไนอะซิน ๓.๐๙ มิลลิกรัม และ วิตามินซี ๔.๕๔ มิลลิกรัม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น